ขึ้นชื่อว่าหนังแอ็คชั่นหรือหนังบู๊แล้ว หนังไทยเราก็มีให้ดูกันหลายเรื่องด้วยกัน แถมความไม่ธรรมดาของหนังแอ็คชั่นไทยก็ไปไกลมากแล้ว ทั้งโปรดักชั่นและคิวบู๊ที่ดูดุเดือด สมจริงมากๆ ถ้าอย่างนั้นเราลองมาย้อนเวลากับ 10 หนังแอ็คชั่นไทยในตำนาน..ที่คนไทยรู้จักและไม่ลืม ลองมาดูกันว่ามีเรื่องไหนที่โดนใจและอยู่ในความทรงจำของคุณบ้าง
1. องค์บาก
“องค์บาก” ถือเป็นหนังไทยที่เป็นที่รู้จักของทั้งคนไทยเอง แถมความดังยังดังไปถึงต่างชาติ จนทำให้ชื่อของ “จา-พนม ยีรัมย์” เป็นที่รู้จักในมุมกว้าง และหนังเรื่องนี้ยังถือได้ว่าประสบความสำเร็จสูงสุดในตลาดโลกในแง่ของรายได้ด่วยเช่นกัน เลยทำให้ “องค์บาก” ถูกสร้างถึง 3 ภาค แต่ดูเหมือนว่าภาค 2 และ 3 กลับถูกพูดถึงน้อยกว่าภาคแรก ด้วยความที่เราอาจจะเห็นฉากบู๊เด็ดๆ กันมาเยอะแล้วในภาคแรก เลยทำให้ภาคต่อๆ ไปไม่ค่อยตื่นเต้นเร้าใจเท่าที่ควร แต่ก็ยังถือว่าหนังไตรภาคเรื่องนี้ทำให้หนังไทยกลายเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติอีกเรื่องหนึ่งด้วย
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ องค์บาก พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นที่เคารพของหมู่บ้านหนองประดู่ แต่มาวันหนึ่งกลับถูกตัดเศียรขโมยไป ทำให้ “บุญทิ้ง” (พนม ยีรัมย์) ต้องออกตามหาไกลถึงกรุงเทพ จนได้มาเจอกับ “อ้ายหำแหล่” หรือ “ยอร์จ” (หม่ำ จ๊กมก) ลูกชายผู้ใหญ่บ้าน ที่จากบ้านเกิดมาทำงานอยู่ที่กรุงเทพ โดยมาร่วมมือกับ “หมวยเล็ก” (ภุมวารี ยอดกมล) ด้วยการเป็น 18 มงกุฎ ต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเลี้ยงปากท้อง ทั้งคู่เลยช่วย “บญทิ้ง” ตามหาองค์บาก เพื่อนำกลับคืนสู่หมู่บ้านให้ทันพิธีอุปสมบทหมู่ซึ่งจะจัดขึ้นในอีก 7 วันให้ได้
ผู้กำกับ | ปรัชญา ปิ่นแก้ว |
คะแนน IMDb | 7.2 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=nTBm1FGTBps |
2. ต้มยำกุ้ง
“ต้มยำกุ้ง” ที่มาพร้อมวลีเด็ดอย่าง “ช้างกูอยู่ไหน” จนหลายคนจำขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าชื่อของ “จา-พนม ยีรัมย์” จะเป็นที่รู้จักกันแล้วจากหนังเรื่อง “องค์บาก” พอมาเรื่องนี้ “จา” ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ต้องผิดหวังกับฉากบู๊ดีเดือดที่เจ้าตัวทุ่มสุดตัวเลยทีเดียว เรียกว่าเล่นจริงเจ็บจริงเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ “จา” ยังได้ถ่ายทอดศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่ใช้ในการต่อสู้ ชนิดที่ว่าคนดูไม่ควรกระพริบตากับฉากต่างๆ ในเรื่อง จนทำให้ “จา” ขึ้นแท่นพระเอกแอ็คชั่นอันดับหนึ่ง แบบที่หาตัวจับยากคนหนึ่งเลย
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ “ขาม” (พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ต้องเดินทางข้ามโลกเพื่อตามหาช้างพลายสองพ่อลูกที่เขาและพ่อรักสุดชีวิต จากการขโมยไปของผู้มีอิทธิพลเพื่อนำไปขายไกลถึงออสเตรเลีย โดย “ขาม” ได้รับความช่วยเหลือจาก “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) ตำรวจไทยและ “ปลา” (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ กระทั่งต้องเข้าไปพัวพันกับแก๊งมาเฟีย ที่มีลูกสมุนมากฝีมือ จนทำให้ “ขาม” ต้องงัดเอาแม่ไม้มวยไทยมาสู้ การต่อสู้และการตามหาช้างพลายของ “ขาม” จะสำเร็จหรือไม่ต้องมาลุ้นกัน
ผู้กำกับ | ปรัชญา ปิ่นแก้ว |
คะแนน IMDb | 6.8 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=8-XZf1a6_R4&t=35s |
3. ต้มยำกุ้ง 2
“ต้มยำกุ้ง 2” แน่นอนว่าหนังเรื่อง “ต้มยำกุ้ง” ขายความเป็นบู๊แอ็คชั่น พอมาภาค 2 นี้ เรื่องความเป็นแอ็คชั่นก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด แถมยังมีนักแสดงอื่นๆ มาเพิ่มสีสันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสาวนักบู๊ร่างเล็กอย่าง “จีจ้า ญาณิณ” หรือแม้แต่ “รฐา โพธิ์งาม” ที่โผล่มาแบบให้คนดูได้ดูแบบสวยๆ แต่ธีมของหนังก็ยังคงอยู่ที่การตามหาช้างอีกเช่นเคย ซึ่งตรงนี้อาจทำให้คนดูบางคนอาจจะเอียนกับมุกเดิมๆ แต่ก็พออภัยและมองข้ามไปได้บ้าง เพราะฉากบู๊ที่ใส่เต็มในเรื่องนี้ดูแล้วไหลลื่น จนสามารถมองข้ามข้อด้อยไปได้ไม่ยาก
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวการตายของ “เสี่ยสุชาติ” (อดินันท์ บุญธนพร) เจ้าของปางช้างผู้กว้างขวางที่ถูกฆาตกรรม และหลักฐานยังมัดตัว “ขาม” (พนม ยีรัมย์) ว่าเป็นคนร้ายเพราะเป็นคนสุดท้ายที่พบในที่เกิดเหตุ เลยทำให้เขาหลบหนีการจับกุม พร้อมกับตามหา ขอน ช้างตัวเดียวที่เปรียบเหมือนพี่น้องและเพื่อนของเขา จนเข้าไปพัวพันกับองค์กรลับ ที่มี “หมายเลขศูนย์ศูนย์” (ริซา) นายใหญ่ผู้คลั่งไคล้การสะสมนักสู้จากทั่วโลก ที่มีนักสู้ฝีมือดีอย่าง “ทเวนตี้” หรือ “หมายเลขยี่สิบ” (รฐา โพธิ์งาม) และ “หมายเลขสอง” (มาร์รีส ครัมพ์) ที่ต่างมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การจับ “ขาม” มาให้นายใหญ่ให้ได้
ผู้กำกับ | 1.ปรัชญา ปิ่นแก้ว2.พันนา ฤทธิไกร |
คะแนน IMDb | 5.3 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=kc5Vaf_8TkI |
4. 102 ปิดกรุงเทพปล้น
“102 ปิดกรุงเทพปล้น” เรื่องนี้ถูกฉายเมื่อปี 2547 เรียกได้ว่าเป็นการสร้างความแปลกตาให้กับวงการหนังไทยในยุคนั้นเลยทีเดียว ทั้งโปรดักชั่นและการถ่ายทำที่ต้องทำการปิดแยกปทุมวันเพื่อล้อมจับผู้ร้าย เลยทำให้ฉากนี้อยู่ในใจใครหลายคน เพราะมีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับโจรที่ยิงใส่กันแบบบ้าระห่ำ บวกกับได้ 2 นักแสดงมากฝีมือ อย่าง “หนุ่ย-อำพล ลำพูน” และ “นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช” ที่ทั้งคู่ฝากผลงานบนแผ่นฟิล์มมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เรียกว่าพอมี 2 คนนี้ร่วมแสดงคนดูต่างจับจ้องเป็นพิเศษ
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวเมื่อครั้งรัฐบาลประกาศให้ประชาชนชำระหนี้คืนให้กับ IMF ซึ่งสร้างความไม่พอใจขององค์กรลับ ภายใต้การนำของผู้มีอำนาจและมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ ทำให้องค์กรดังกล่าวคิดแผนปฏิบัติการปล้น 102 นาที โดยได้ “นาวิน” (หนุ่ย-อำพล) อดีตนายทหารฝีมือดีมาร่วมปฏิบัติการณ์นี้ด้วย ขณะที่ “ปกรณ์” (นก-ฉัตรชัย) นายตำรวจฝีมือเยี่ยมต้องมาค่อยทำหน้าที่ยับยั้งแผนการในครั้งนี้ ที่มีเวลาเพียง 102 นาทีเท่านั้น เท่ากับเป็นการทำงานภายใต้การกดดันอย่างมาก เพราะระเบิดจำนวนมากถูกวางไว้ทั่วกรุงเทพฯแล้วนั่นเอง เลยทำให้ทั้ง “นาวิน” และ “ปกรณ์” ต้องฝ่ายต่างต้องแข่งกับเวลาในสถานการณ์กดดันอย่างนี้
ผู้กำกับ | ธนิตย์ จิตนุกูล |
คะแนน IMDb | 5.6 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=20DHri5cras |
5. จอมขมังเวทย์ 2020
“จอมขมังเวทย์ 2020” เป็นภาคต่อของหนังเรื่อง “จอมขมังเวทย์” ที่ฉายเมื่อปี 2548 ที่กลับมาสร้างเรื่องราวในโลกอาคมอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ได้พระเอกหนุ่ม “หมาก-ปริญ สุภารัตน์” มารับบทนำในเรื่อง พร้อมด้วย “นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช” ที่มาเชือดเฉือนทั้งอารมณ์และอาคมกันสุดฤทธิ์ ใครที่ชื่นชอบหนังแนวแอ็คชั่น ลี้ลับ เรื่องนี้ดูจะลงตัวทั้ง ภาพ แสง สี เสียง รวมถึงฉากบู๊ ที่ดูจะมีการจัดวางและคัดสรรค์กันอย่างมาอย่างลงตัวสุดๆ
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ “วิน” (หมาก ปริญ) ชายหนุ่มที่ต้องพบกับความสูญเสียครอบครัวครั้งใหญ่ เลยทำให้เขาเปลี่ยนความเชื่อและมุ่งเข้าสู่ศาสตร์ลึกลับและอาคมต่างๆ เพื่อต้องการที่จะสืบหาตัวฆาตกรที่ฆ่าครอบครัวของเขาด้วยตัวเอง เลยทำให้เขาต้องมาเจอกับ “อิทธิ” (นก-ฉัตรชัย) จอมขมังเวทในตำนาน, “ก็อด” (ก๊อต-จิรายุ) ผู้คลั่งพลังทำลายล้าง และ “เจ้าลัทธิใหม่แห่งยุค” (นก-สินจัย) ที่ทั้งหมดล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการฆตกรรมด้วยกันทั้งสิ้น จึงทำให้กเกิดารปะทะเดือดของ “วิน” และเหล่าผู้มากวิชาเกิดขึ้นอย่างดุเดือดเข้มข้น
ผู้กำกับ | ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ |
คะแนน IMDb | 5.8 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=kxQmAEvlnhA |
6. ขุนพันธ์ 2
“ขุนพันธ์ 2” ในภาคแรกนั้น “ขุนพันธ์” ที่รับบทโดย “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” เป็นนายตำรวจหนุ่มที่มีคุณธรรม ยึดมั่นในความดี ศรัทธาในความถูกต้อง แต่พอมาในภาคที่ 2 กลับตาลปัตรเมื่อตำรวจน้ำดีหมดศรัทธาในกฎหมายและถูกบีบให้ออกจากราชการ นี่เลยเป็นที่มาของการเปลี่ยนคนดีให้กลายเป็นโจร ซึ่งในภาค 2 นี้มีนักแสดงมาเพิ่มสีสันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ผู้พันเบิร์ด-วันชนะ”, “เป้-อารักษ์” ที่มาในมาดใหม่ควงปืนเล่นฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ ให้คนดูได้อึ้ง ทึ่งกันเป็นแถว รวมถึงได้ 2 สาว “ก้อย-รัชวิน” และ “แม็กกี้-อาภา” มาร่วมเพิ่มสีสันและโชว์หน้าสวยๆ ให้คนดูได้เพลิดเพลินกันอีกด้วย
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวหลังจากที่ “ขุนพันธ์” (อนันดา เอเวอริงแฮม) ปราบ “อัลฮาวียะลู” มหาโจรผู้เลื่องชื่อจากภาคใต้ หลังจากนั้นเขาก็ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับเกจิอาจารย์ชื่อดังมากมาย รวมถึงปราบโจรอีกหลายก๊ก หลังจากนั้นท่านขุนเรียกเขากลับมาประจำการที่ภาคกลาง และครั้งนี้เขาต้องเจอกับอุปสรรคมากมายรวมถึงเรื่องที่ผู้คนไม่ศรัทธาตำรวจ และข้าราชการหาผลประโยชน์ใส่ตัว เลยทำให้เขาตัดสินใจร่วมกลุ่มกับ “เสือฝ้าย” (พันเอกวันชนะ สวัสดี) หัวหน้าชุมโจร โดยมีมือขวาคนสนิท อย่าง “เสือใบ” (เป้-อารักษ์) ผู้มีวิชากระสุนคตและตะกรุดแคล้วคลาด การเดินทางสู่ถ้ำเสือชุมโจรของ “ขุนพันธ์” ที่ใช้ชื่อวาส “เสือบุตร์” จึงเริ่มต้นขึ้น
ผู้กำกับ | ก้องเกียรติ โขมศิริ |
คะแนน IMDb | 5.4 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=D7mTvhplGHo&list=PLxmnDayBxWE3tF2hAGsFwDQaLt3x6yLa5 |
7. ขุนแผน ฟ้าฟื้น
“ขุนแผน ฟ้าฟื้น” เป็นการหยิบเอาวรรณกรรม “ขุฯช้างขุนแผน” มาเล่าใหม่ในรูปแบบของหนังแอ็คชั่น แฟนตาซี ที่แม้ว่าเนื้อเรื่องจะมีตัวละครที่เรารู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น ขุนช้าง, ขุนแผน, นางพิมพิลาไลย แต่ที่ทำให้คนดูตื่นตาตื่นใจน่าจะเป็นแอฟเฟ็กต์ในเรื่องที่อลังการงานสร้าง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสนุกสนานและเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้บ้าง แม้ว่าจะไม่เป็นทางถนัดของ ผกก. “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ก็ตาม แต่ก็ดูแล้วไม่ติดอะไร
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ “แก้ว” (มาริโอ้ เมาเร่อ) หนุ่มพเนจรที่เสียความทรงจำด้วยเหตุปริศนา ที่เดินทางมาพร้อมกับ “เพชร” (สิรินัฎฐ์ อภิจันทร์เดช) เพื่อนสนิทเพื่อไปแสวงโชคที่อยุธยา แต่ “แก้ว” กลับได้เจอ “ช้าง” (ฟิลลิปส์-ณัทธนพล) และ “พิม” (ฟ้า-ยงวรี) เพื่อนเก่าสมัยเด็ก เลยทำให้ความทรงจำของเขาฟื้นคืนมา จนเขาได้พบกับ “อาจารย์เดช” (ต๊อก-ศุภกรณ์) จอมอาคมที่ปลอมตัวมาเพื่อหาลูกศิษย์ และเห็นว่า “แก้ว” มีแววเลยฝึกวิชาให้ จากนั้น “แก้ว” สมัครเป็นทหารทำให้เขาและ “ช้าง” ต้องแข่งกันเพื่อเป็นหนึ่งในหมู่อาสา และเพื่อชนะใจ “พิม”
ผู้กำกับ | ก้องเกียรติ โขมศิริ |
คะแนน IMDb | 5.9 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=-4VvZTmqDjU |
8. อินทรีแดง
“อินทรีแดง” แม้ว่าเราคนไทยจะคุ้นชินกับหนังเรื่อง “อินทรีแดง” ที่เคยรับบทโดยพระเอกตลอดกาล “มิตร ชัยบัญชา” ที่ในเวอร์ชั่นปี 2553 เลือกเอกนักแสดงหนุ่ม “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” มารับซูเปอร์ฮีโร่กำจัดเหล่าร้าย แน่นอนว่าเรื่องนี้มีฉากแอ็คชั่นที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ในเรื่องนี้ยังสะท้อนถึงปัญหาสังคม อย่างการทุจริตคอรัปชั่นต่างๆ ที่มีมาทุกยุคทุกสมัย แน่นอนว่าแม้จะมีมือดีมาปราบคนพวกนี้ แต่เหมือนจะตายยากไม่หมดไปจากสังคมเสียที
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ “โรม ฤทธิไกร” (อนันดา เอเวอริงแฮม) ทหารในหน่วยรบพิเศษ ที่ถูกหักหลังจนกลายเป็นที่มาของการกลับมาแก้แค้นกับพวกอาชญากร และพวกโกงกินบ้านเมือง ในนาม “อินทรีแดง” ทางด้าน “ร.ต.ท.ชาติ วุฒิไกร” (สิงห์-วรรณสิงห์) นายตำรวจหนุ่มที่ยืนคนละฝั่งกับ “อินทรีแดง” เขากลับมองว่า “อินทรีแดง” คือ อาชญากร ส่วน “ดร.วาสนา” (ญารินดา บุนนาค) คู่หมั้นที่กลายเป็นอดีตคู่หมั้น อีกทั้งยังหันไปทำงานกับเอ็นจีโอ เพื่อยังยั้งการฉ้อโกง
ผู้กำกับ | วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง |
คะแนน IMDb | 5.3 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=MO_PJPByBes |
9. เร็วทะลุเร็ว
“เร็วทะลุเร็ว” โดยเรื่องนี้ได้ผู้กำกับอย่าง เจ้าพ่อนักบู๊อย่าง “พันนา ฤทธิไกร” ที่เชื่อขนมกินได้เรื่องคิวบู๊ต่างๆ ว่าต้องออกมาอย่างสวยงามแน่นอน แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพื่อไม่ให้เสียชื่อเลยทำให้เรื่องนี้มีฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตายให้เห็นหลฃายฉาก จนคนดูหวาดเสียวไปตามๆ กัน ไม่ส่าจะเป็นฉากสู้กันบนรถไฟที่กำลังวิ่ง หรือฉากรถชนเสี่ยงตาย แม้ว่าปรมจารย์คิวบู๊อย่าง “พันนา” จะลาโลกไปแล้วก็ตาม แต่ฝีมือของเขาก็ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คน
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ “นที” (เดี่ยว-ชูพงษ์) ที่ก้าวเข้าสู่วงการนักฆ่าแบบเต็มตัว จนยอมทิ้ง “ธาร” (วุฒิ-นันทวุฒิ) น้องชายเพียงคนเดียว เพื่อแลกกับข้อมูลของคนที่ฆ่าพ่อแม่ของพวกเขา จนเข้าได้มารับหน้าที่คุ้มครอง “พลอย” (เมย์-นิศาชล) หลานสาวของผู้มีอิทธิพล และสามารถช่วยเธอจากการถูกปองร้ายได้ แต่แล้วกลับมีคำสั่งให้ฆ่า “พลอย” เสียท แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ แต่แล้วเหตุการณ์ก็กลับตาลปัต เมื่อ “นที” กลายเป็นถูกข้อหาลักพาตัว แถมยังถูกตามล่าจากมือสังหารอีก เลยทำให้ “นที” ต้องร่วมมือกับ “ธาร” ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
ผู้กำกับ | พันนา ฤทธิไกร |
คะแนน IMDb | 5.4 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=NVOe1jPvS2w |
10. มหาอุตม์
“มหาอุตม์” เป็นการนำเสนอเรื่องราวของความเป็นหนังแอ็คชั่น ผสมผสานเข้ากับเรื่องของพิธีกรรม การสักยันต์ ที่หลายคนมีความเชื่อในเรื่องการสักยันต์กันมากในวงกว้าง และการสักยันต์มหาอุตม์นั้นเป็นที่รู้จักของคนไทยอีกด้วย เลยทำให้หนังเรื่องนี้เข้าถึงคนไทยได้ไม่ยาก นอกจากนี้ในเรื่องยังมีภาพที่ถ่าpทอดออกมาได้อย่างสวยงามซะด้วย
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ “จ่าทองคำ” (ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง) และ “จ่าขจร” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) สองเพื่อนรักที่พร้อมใจกันสักยันต์มหาอุตม์มาด้วยกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปปฏิบัติการณ์ลับที่ชายแดน แต่แล้วก็ทำให้ “จ่าขจร” หายไปอย่างลึกลับ หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้ “จ่าทองคำ” หันหน้าเข้าทางธรรม บวชเป็นพระเพื่อที่จะเป็นการไถ่บาป พร้อมกับได้ชุบเลี้ยง “เจตน์” (เก่ง-ชาติชาย) จนเติบโต ซึ่ง “เจตน์” เรียนรู้และสัมผัสความตายมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งหลวงพ่อได้ถ่ายทอดพลังมหาอุตม์ เพื่อไว้ปกป้องตนเองอีกด้วย
ผู้กำกับ | ไกรสร บูรณสิงห์ |
คะแนน IMDb | 4.3 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=YnncPdJx690 |
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 หนังแอ็คชั่นไทยในตำนาน..ที่คนไทยรู้จักและไม่ลืม เชื่อหรือยังว่าหนังแอ็คชั่นของคนไทยนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าต่างชาติเลย เพราะแต่ละเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นนั้นดีๆ เด็ดๆ ทั้งนั้น และเชื่อว่าต้องมีสักเรื่องที่อยู่ในความทรงจำของคุณอย่างแน่นอน แล้วพบกันใหม่กับ movierulzinfo
เครดิตภาพ : www.sahamongkolfilm.com, www.imagemfilmes.com.br, www.th.wikipedia.org, www.majorcineplex.com,
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เว็บสล็อตแท้