ว่าด้วยเรื่องของ LGBTQ ในยุคนี้ดูจะเป็นที่ยอมรับและเปิดกว้างกันมากขึ้นในสังคม แต่ก็มีเหมือนกันที่ยังถูกมองเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เหมือนอย่างกับ 5 อันดับหนัง LGBTQ ใน NETFLIX..ดูสนุก ดูเพลิน ที่ถูกนำเสนอถึงเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างเปิดเผยและให้แง่คิด ก็เพื่อเป็นการทำความเข้าใจว่าคนกลุ่มนี้ก็เป็นคนธรรมดาในสังคมเราเช่นกัน
1. BLUE IS THE WARMEST COLOR
“BLUE IS THE WARMEST COLOR” ชื่อไทย “วันที่หัวใจกล้ารัก” เป็นเรื่องราวชีวิตของ “อเดล” เด็กสาวอายุเพียง 15 ปี แต่เธอเพิ่งสัมผัสถึงความรักครั้งแรกก็ตอนที่มาเจอกับ “เอมม่า” เด็กสาวห้าวผมสีผ้าที่โดดเด่น และด้วยนิสัยที่ไม่เหมือนคนอื่นของ “เอมม่า” ทำให้ทั้งคู่สานสัมพันธ์กันได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปได้ด้วยดีในวัยรุ่น ก่อนที่ “อเดล” จะโตเป็นผู้ใหญ่และเรียนรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร
หนังมีความเป็นแนวโรแมนติก, ดราม่า ที่ดูแล้วรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง แม้ว่าหนังจะยาวไปสักหน่อยแต่ก็ถือว่าถ่านทอดออกมาได้ไม่น่าเบื่อ โดยเริ่มตั้งแต่ที่ “อเดล” เป็นเด็กวัยมัธยม ที่ชีวิตเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ มีกิ๊กกั๊กกับชายหนุ่มบ้าง แต่ลึกๆ เธอแอบปลื้มสาวผมสีผ้า จนได้มาสานสัมพันธ์และก็เลิกรากันไปตามกาลเวลา ซึ่งความดีงามในเรื่องนี้ต้องยกให้กับ 2 นักแสดง “อเดล เอ็กซาโคปูโลส” และ “อเดล เอ็กซาโคปูโลส” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวและถ่ายทอดอารมณ์ส่งตรงมายังคนดู ที่ทำให้รู้สึกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้มีดีมากกว่านำเสนอความรักระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงเพียงอย่างเดียว
ผู้กำกับ | อับเดลลาทิฟ เคชิช |
คะแนน IMDb | 7.7 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=3iUBmsRp650 |
2. THE DANISH GIRL
“THE DANISH GIRL” ชื่อไทย “เดอะ เดนนิช เกิร์ล” เป็นเรื่องราวความรักของจิตกรชาย-หญิงคู่หนึ่ง ระหว่าง “เวเกเนอร์” จิตกรหนุ่ม และ “เกอร์ด้า” จิตกรสาวมั่น โดยฝ่ายชายตกหลุมรักเธอจนขอเธอแต่งงาน ซึ่งชีวิตการแต่งงานของทั้งคู่ดำเนินไปได้ด้วยดี กระทั่งนางแบบของ “เกอร์ด้า” ไม่มา เธอเลยได้ไอเดียให้สามีแปลงโฉมเป็นนางแบบสุดเซ็กซี่ โดยเธอไม่มีทางรู้เลยว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป
ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ในปี 1920 ที่ในตอนนั้นเรื่องเพศที่ 3 ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ประหลาดเกินกว่าสังคมจะรับได้ โดยในเรื่อง “เวเกเนอร์” จิตกรหนุ่ม ที่รับบทโดย “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนมีความรู้สึกเป็นผู้หญิง ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นสามี ส่วน “เวเกเนอร์” ภรรยา ที่รับบทโดย “อลิเซีย วิกันเดอร์” ต้องบอกว่าเธอกับ “เอ็ดดี้” นั้นถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า แววตา ที่สื่อความหมายออกมาแบบไม่ต้องพูดอะไรเลย ที่สำคัญเรายังได้ซาบซึ้งไปกับความรักและความเข้าใจของสามี-ภรรยาคู่นี้ แม้จะไม่เหมือนคู่อื่นๆ แต่ความรักที่พวกเขามีนั้นสามารถทำให้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ไปได้ด้วยดี
ผู้กำกับ | ทอม ฮูเปอร์ |
คะแนน IMDb | 7.1 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=jHABPL5Bni0 |
3. CALL ME BY YOUR NAME
“CALL ME BY YOUR NAME” ชื่อไทย “เอ่ยชื่อคือคำรัก” เป็นรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 1983 ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ของ “เอลิโอ” ชายหนุ่มวัย 17 ปี ที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์เก่าแก่กับพ่อและแม่ ก่อนที่จะได้เจอกับ “โอลิเวอร์” นักศึกษาหนุ่มชาวอเมริกันที่มาช่วยงานวิจัยพ่อของเขา ทำให้ทั้งคู่มีความสนิทสนมกัน และทำให้ “เอลิโอ” ได้เห็นอะไรใหม่ออกไปจากที่เคยเป็น
หนังเรื่องนี้ถูกเล่าผ่านตัวละครของ “เอลิโอ” เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่มีเนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนเรียกว่าดูง่ายเข้าใจง่าย โดยถูกเล่าไปถึงอุปนิสัยของเด็กหนุ่มที่เหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั่วไป มีความรัก มีเรื่องของหญิงสาว และเรื่องความเจ้าชู้ ประกอบกับความอยากรู้อยากเห็นในวัยนั้นๆ อีกด้วย รวมถึงความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งคู่ ที่ได้ 2 นักแสดง “ซาลาเมต” และ “แฮมเมอร์” มาส่งต่อเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้ใครหลายคนตกหลุมรักทั้งคู่แบบไม่รู้ตัว และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพูดถึง คือ สถานที่ถ่ายทำอย่างเมืองเครมา ทางตอนเหนือของอิตาลี บอกเลยว่าดูแล้วสวยงามและเข้ากับเรื่องในหนังอย่างน่าอัศจรรย์
ผู้กำกับ | ลูกา กวาดาญีโน |
คะแนน IMDb | 7.8 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=l8PqpXkQDFU |
4. THE HALF OF IT
“THE HALF OF IT” ชื่อไทย “รักครึ่งๆ กลางๆ” เป็นเรื่องราวของเด็กสาวชาวจีนอย่าง “เอลลี่ ชู” ที่ครอบครัวของเธออพยพมาอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่อเมริกา เธอมีความฉลาดในเรื่องการใช้ภาษา และเป็นที่รู้จักในหมู่เพื่อนๆ ในฐานะผู้รับจ้างทำการบ้าน และ “พอล” หนุ่มข้างบ้านที่มาขอร้องให้เธอเขียนจดหมายส่งไปให้ “เอสเตอร์” ผู้หญิงที่เขาแอบรัก ซึ่งเป็นเด็กสาวคนเดียวกับที่ “เอลลี่” นั้นแอบชอบอยู่เหมือนกัน
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวรักสามเส้าของ 2 หญิง 1 ชาย ที่ทำให้ใครหลายคนพาลคิดไปว่าชาย-หญิงสักคนอาจจะลงเอยกัน แต่นั่นเพราะคุณดูไม่จบเรื่องนั้นเอง แม้ว่าหนังจะเป็นแนวโรแมนติกแต่ก็มีความเป็นคอมเมดี้อยู่ในนั้นเหมือนกัน แต่ต้องบอกเลยว่าหนังมีความหักมุมอย่างที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง ดังนั้นใครที่บอกว่าสามารถเดาทางหนังแนวนี้ได้ บอกเลยใช้ไม่ได้กับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
4. THE HALF OF IT
ผู้กำกับ | อลิซ วู |
คะแนน IMDb | 6.9 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=ZJYnyl3OPk0 |
5. SINGLE ALL THE WAY
“SINGLE ALL THE WAY” เป็นเรื่องราวของ “ปีเตอร์” และ “นิค” สองรูมเมทเพื่อนซี้ที่อาศัยอยู่ในแอลเอ และทุกคริสต์มาส” ปีเตอร์” ต้องกลับไปฉลองกับครอบครัวประจำ และปีนี้เขาตั้งใจจะพาแฟนหนุ่มไปปนะนำ แต่ผิดคาดเพราะแฟนหนุ่มกลับมีครอบครัวแล้ว เขาเลยต้องพา “นิค” ไปเป็นปลอมเป็นแฟนแทน และที่บ้านแม่ของ “ปีเตอร์” นัดบอดหนุ่มให้เขา แต่ครอบครัวไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่าคนที่เหมาะสมกับเขามีแค่ “นิค” คนเดียวเท่านั้น
เป็นหนังโรแมนติก, คอมเมดี้ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ LGBTQ ได้อย่างน่ารักทีเดียว เพราะใช้บรรยากาศของวันคริสต์มาสที่เพิ่มความอบอุ่นได้อย่างลงตัว โดยเป็นเรื่องของชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนกันแต่ต้องแอ๊บเป็นแฟน ที่ทำไปทำมากลายเป็นกิ๊กกั๊กกันจริงๆ เรื่องนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ดูง่าย น่ารัก เพราะมีบรรยากาศของครอบครัวเข้ามาร่วมด้วย แถมยังพาให้คนดูได้ลุ้นกับความรักของทั้งคู่ว่าจะลงเอยอย่างไรอีกด้วย
ผู้กำกับ | ไมเคิล เมเยอร์ |
คะแนน IMDb | 6.1 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.netflix.com/th/title/81148358 |
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทั้ง 5 อันดับหนัง LGBTQ ใน NETFLIX..ดูสนุก ดูเพลิน หวังว่าคงทำให้คุณประทับใจไปกับเรื่องราวต่างๆ พร้อมเปิดใจรับได้มากยิ่งขึ้นนะ
เครดิตภาพ : www.imdb.com, www.medium.com, www.missoulian.com, www.trespassmag.com, www.indiewire.com, www.nytimes.com, www.thespool.net, www.netflixlife.com, www.decider.com