ช่วงนี้เชื่อว่าหลายคนคงจะ Work From Home ซะส่วนใหญ่ ก็มีบ้างที่เกิดความเครียดเพราะไม่ได้ออกไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง หรือหาความบันเทิงใส่ตัวเท่าไหร่ แต่วันนี้คุณจะไม่เบื่ออีกแล้ว เพราะเรามีหนังไทยดี หนังไทยเด็ด ที่นอกจากจะสนุกแล้วยังทำรายได้มากโขอีกด้วย กับ 10 อันดับหนังไทยในอดีต..ที่โกยรายได้แบบถล่มทลาย ต้องบอกว่าเด็ดจริงไม่ได้โม้!
1. พี่มาก…พระโขนง
“พี่มาก…พระโขนง” ฉายเมื่อปี พ.ศ. 2556 ซึ่งถือเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่พลิกประวัติศาตร์หนังไทยเลยทีเดียว กับการนำตำนานผีอย่าง “แม่นาก” มาตีความในรูปแบบใหม่ โดยใช้มุมมองของ “พี่มาก” ในการเล่าเรื่อง ซึ่งก็ทำให้เรื่องนี้เป็นที่โดนใจของคนดูแทบทุกเพศ ทุกวัย เลยทีเดียว แม้ในเรื่องอาจจะไม่มีฉาก “แม่นาก” ที่ดูโหดๆ น่ากลัว สยดสยอง แต่จะเป็นการเพิ่มความตลก สนุกสนาน แม้แต่ตัวของ “พี่มาก” ที่ได้พระเอกสุดฮอต “มาริโอ้ เมาเร่อ” มารับบทก็ยังแอบตลกกับเขาด้วย พร้อมแก๊งสี่สหายในเรื่องอย่าง “เผือก-เต๋อ-เอ-ชิน” ที่มาสร้างเสียงหัวเราะกันจนท้องแข็งไปหมด เลยไม่แปลกใจที่ทำให้หนังเรื่องนี้โกยรายได้ไปมากถึง 559.59 ล้านบาท และรายได้รวมทั่วประเทศมากถึง 1,000 ล้านบาท ธรรมดาที่ไหน
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่เกิดสงคราม จนทำให้ชาวบ้านเหล่าชายฉกรรจ์ถูกเกณฑ์ให้ไปออกรบ จนทำให้ “พี่มาก” (มาริโอ้ เมาเร่อ) จำต้องทิ้งเมียรักที่ท้องแก่ อย่าง “นาก” (ใหม่-ดาวิกา) ให้อยู่ตามลำพัง ซึ่งการรบครั้งนี้ “พี่มาก” พร้อมด้วยเหล่าเพื่อนซี้อย่าง “เต๋อ” (ฟรอยด์-ณัฏฐพงษ์), “เผือก” (เผือก-พงศธร), “ชิน” (วิวัฒน์ คงราศรี) และ “เอ” (กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข) ร่วมรบในครั้งนี้ด้วย เมื่อเสร็จสิ้นสงคราม “พี่มาก” ก็ได้กลับบ้านที่พระโขนง แต่กลับต้องแปลกใจที่ชาวบ้านทำตัวแปลกไปจากเดิม จนกระทั่งมีข่าวเข้าหู “พี่มาก” ว่า “นาก” ตายไปแล้ว เลยทำให้จำต้องพิสูจน์ความจริงในครั้งนี้
ผู้กำกับ | บรรจง ปิสันธนกุล |
คะแนน IMDb | 7.3 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=fVHSaEk-LoI |
2. ไอฟาย..แต๊งกิ้ว เลิฟยู้
“ไอฟาย..แต๊งกิ้ว เลิฟยู้” ฉายเมื่อปีพ.ศ. 2557 แม้ว่าบางคนอาจจะติว่าเป็นหนังที่ยัดเยียดความตลกโปกฮามากไปสักหน่อย แต่ถ้ามองโดยภาพรวมของหนังเรื่องนี้ที่เป็นแนวโรแมนติก, คอมเมดี้ ก็ถือว่าลงตัว ยิ่งได้นักแสดงหนุ่ม “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” ที่มารับบท “ยิม” หนุ่มช่างมาดกวน ที่สร้างเสียงหัวเราะได้อย่างมีจังหวะจะโคนดีทีเดียว นอกจากนี้ยังเสริมทัพความตลกด้วย “โจ๊ก โซลคูล” ด้วยแล้ว ก็ทำให้คนดูเรื่องนี้ขำออกมาได้ไม่ยาก และนอกเหนือจากความสนุกสนานแล้วความโรแมนติกเขาก็มีให้เห็นในตอนท้ายของคู่พระ-นาง “ซันนี่-ไอซ์” เรียกว่าทำคนดูฟินไปตามๆ กัน เลยไม่แปลกที่หนังเรื่องนี้จะโกยรายได้ไปมากถึง 330.01 ล้านบาท
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของติวเตอร์สาว “เพลง” (ไอซ์-ปรีชญา) ที่ต้องมารับบทบอกเลิก “ยิม” (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) แฟนหนุ่มคนไทยของลูกศิษย์ต่างชาติคนหนึ่ง แต่เมื่อ “ยิม” ถูกบอกเลิกกลับไม่ยอมเลิก พร้อมทั้งบังคับให้ “เพลง” เป็นติวเตอร์สอนภาษาอังกฤษ เพื่อที่เขาจะได้ตามไปง้อแฟนสาวที่ต่างประเทศให้ได้ แต่ดูเหมือนว่าระหว่าง “เพลง” ติวเตอร์สาว กับ “ยิม” ลูกศิษย์หนุ่ม กลับมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป เมื่อทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น จน “เพลง” หลงรัก “ยิม” แบบไม่รู้ตัว อยู่มาวันหนึ่งลูกศิษย์ชาวต่างชาติก็บอกให้ “เพลง” ติวให้ “ยิม” สามารถสอบผ่านเพื่อมาทำงานที่ต่างประเทศให้ได้ แต่ดูเหมือนว่า “ยิม” เองก็ไม่อยากที่จะหนีหัวใจตัวเองไปไหนไกลอีกแล้ว
ผู้กำกับ | เมษ ธราธร |
คะแนน IMDb | 7.0 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=ELFL42u8mv8 |
3. สุริโยไท
“สุริโยไท” ฉายเมื่อปีพ.ศ. 2544 ต้องบอกว่าเรื่องนี้ถือเป็นหนังอิงประวัติศาสตร์เรื่องเดียวที่พูดถึงวีรกษัตรีย์ ไทย โดยผู้กำกับ “ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม” ยังพิถีพิถันในการสร้างหนังเรื่องนี้ให้ออกมาน่าประทับใจและทรงคุณค่ามากๆ ทั้งการคัดเลือกนักแสดงที่มารับบท “พระสุริโยไท” อย่าง “คุณหญิง ม.ล. ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี” รวมถึงนักแสดงมากฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์, นก-ฉัตรชัย, สรพงษ์ ชาตรี, ใหม่ เจริญปุระ ฯลฯ และโปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนทำให้คนดูอินเหมือนกับได้เข้าไปอยู่ในช่วงเวลานั้นด้วยตัวเองเลยทีเดียว เพราะเหตุนี้เลยทำให้เรื่องนี้คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดนิยม ในการประกาศรางวัล ตุ๊กตาทอง (พระสุรัสวดี) ครั้งที่ 25 ประจำปี 2544 มาครองได้แบบไร้คู่แข่ง แถมยังโกยรายได้ไปมากถึง 324.5 ล้านบาท อีกด้วย
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวเมื่อ “สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2” (พิศาล อัครเศรณี) สิ้นพระชนม์ “พระอาทิตยา” (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ได้ขึ้นครองราชย์ โดยทรงพระนาม “หน่อพุทธางกูร” ด้วยเหตุนี้ทำให้ “พระเฑียรราชา” (ตั้ว-ศรัณยู) และ “พระสุริโยไท” (คุณหญิง ม.ล. ปิยาภัสร์) พร้อมโอรสธิดาทั้ง 5 พระองค์ ประทับอยู่ ณ วังชัย ต่อมา “สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร” สิ้นพระชนม์ “พระไชยราชา” (อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์) ได้ขึ้นสืบสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งระหว่างนั้นบ้านเมืองเต็มไปด้วยการทุจริต
ต่อมาเมื่อนับตั้งแต่สิ้นรัชกาล “พระไชยราชา” ด้าน “พระเฑียรราชา” ทรงผนวช ซึ่งระหว่างนั้นพม่าได้รุกรานแผ่นดินไทย นำโดยพระมหากษัตริย์นาม “ตะเบงชเวตี้” (แมน-ศุภกิจ) และได้เดินทัพมายังอยุธยาจนทำให้เกิดสงครามยุทธหัตถี ที่มี “พระสุริโยไท” ร่วมรบ และเสียพระชนม์บนคอช้างในศึกครั้งนี้
ผู้กำกับ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล |
คะแนน IMDb | 6.5 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=Pifp1zWKCCY |
4. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๑
“ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๑” ตอน “องค์ประกันหงสา” ฉายเมื่อปีพ.ศ. 2550 ซึ่งเรื่องนี้เป็นฝีมือการกำกับของ “ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม” หลังจากที่ส่งหนังเรื่อง “สุริโยไท” มาให้คนดูชาวไทยได้ชื่นชมกันแล้ว พอมาเรื่องนี้เรียกว่าความพิถีพิถันก็ย่อมมีมากขึ้น ทั้งนักแสดงและโปรดักชั่นสุดอลังการเพื่อที่ต้องการให้คนไทยได้เรียนรู้ และทราบถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยได้อย่างเข้าใจง่ายและลึกซึ้ง ต้องบอกว่าเพราะหนังเรื่องนี้เลยทำให้คนไทยหันมาสนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์กันมากขึ้น จนทำให้รู้สึกว่าประวัติศาสตร์ไทยไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงโกยรายได้ไปมากถึง 236.7 ล้านบาท
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวเมื่อครั้งที่ “พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง” ทรงตีราชอาณาจักรอยุธยา ยึดครองหัวเมืองทางเหนือได้สำเร็จ “สมเด็จพระมหาธรรมราชา” พระราชบิดาของ “สมเด็จพระนเรศวร” หรือ “พระองค์ดำ” ซึ่งเป็นเจ้าครองเมืองพิษณุโลก จำต้องยอมอ่อนข้อให้กับ “พระเจ้าบุเรงนอง” เพื่อรักษาแผ่นดินและเพื่อรักษาชีวิตราษฎรให้อยู่รอดปลอดภัย จึงทำการเจรจาหย่าศึกกับพม่า ด้วยการมอบเครื่องบรรณาการต่างๆ มากมาย รวมถึงถวาย “พระนเรศวร” พระราชโอรสให้ไปเป็นองค์ประกันที่หงสา เมื่อพระชนน์มายุเพียงแค่ 9 ชันษา
ผู้กำกับ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล |
คะแนน IMDb | 6.9 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=tzY1HITdXKs |
5. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๒
“ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๒” ตอน “ประกาศอิสรภาพ” ฉายเมื่อปีพ.ศ. 2550 และดูเหมือนว่ากระแสตอบรับของภาคแรกดีทีเดียว เลยทำให้ “ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม” ส่งภาคที่ 2 มาให้คนไทยได้ดูกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในภาคนี้นั้นเพิ่มความเข้มข้นและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น รวมถึงฉากแอ็คชั่นที่ใส่เข้าไปแบบจัดเต็ม จนทำให้คนดูนั้นถึงกับอึ้ง ทึ่ง บวกกับการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน ชวนติดตามด้วยแล้วเลยทำให้หลายคนที่ได้ดูลงความเห็นว่าเป็นภาคที่สนุกสมการรอคอยจริงๆ เลยไม่แปลกที่ภาคนี้จะโกยรายได้ไปถึง 231.9 ล้านบาท
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวหลังจาก “พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง” สิ้นพระชนม์ จากนั้น “พระเจ้านันทบุเรง” ได้ขึ้นครองราชย์ และเมื่อแผ่นดินหงสาวดีอยู่ในการปกครองของ “พระเจ้านันทบุเรง” ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยาและหงสาวดีเกิดความสั่นคลอนขึ้นในทันที รวมถึง “พระเจ้านันทบุเรง” เองก็ทรงไม่วางพระทัยใน “สมเด็จพระนเรศวร” เพราะเกรงว่าในภายภาคหน้า “สมเด็จพระนเรศวร” จะเป็นภัยต่อราชวงศ์และแผ่นดินหงสาวดี จึงวางแผนลอบปลงพระชนม์ “สมเด็จพระนเรศวร” แต่โชคดีที่ “พระมหาเถรคันฉ่อง” ทรงบอกเหตุร้ายนี้ให้ทราบเสียก่อน ในเวลาต่อมา “สมเด็จพระนเรศวร” ประกาศอิสรภาพและตัดไมตรีกับหงสาวดีในทันที
ผู้กำกับ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล |
คะแนน IMDb | 7.2 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=l3-eVVvDu7I |
6. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓
“ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓” ตอน “ยุทธนาวี” ฉายเมื่อปีพ.ศ. 2554 ซึ่งในภาคนี้นั้นได้ทิ้งห่างจากภาคที่ 1 และ ภาคที่ 2 นานร่วม 4 ปี เรียกว่าบ่มกันจนทำให้ในภาคที่ 3 นี้ออกมาแบบครบรส ทั้งเนื้อเรื่องสนุก ชวนติดตาม เรียกว่าห้ามกระพริบตาป็นอันขาด รวมถึงฉากสู้รบที่จัดเต็ม อลังการงานสร้างมากๆ ซึ่งจริงๆ แล้วก็อลังการงานสร้างบวกกับงานละเอียดในทุกๆ ภาคอยู่แล้ว สำหรับผู้กำกับอย่าง “ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม” แต่มาภาคนี้ด้วยความที่รอคอยกันมานานเลยทำให้ทุกอย่างดูลงตัวสุดๆ จึงไม่แปลกใจที่ทำให้ภาคนี้โกยรายได้ไปมากถึง 202.9 ล้านบาท เรียกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
เรื่องย่อ
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อครั้งประกาศเอกราชที่เมืองแครง ซึ่งในตอนนั้น “พระเจ้านันทบุเรง” แห่งพม่า เกรงว่าอยุธยาจะแข็งขืน จึงส่ง “พระยาพะสิม” และ “พระเจ้าเชียงใหม่” มาประชิดกรุงศรีอยุธยาในทันที ข้างฝ่าย เจ้ากรุงละแวกก็ส่ง “จีนจันตุ” ชาวจีนฝีมือเยี่ยมมาแอบสืบความลับที่กรุงศรีอยุธยา แต่กลับถูกจับได้เลยต้องตีสำเภาหนีกลับกรุงละแวก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ “สมเด็จพระนเรศวร” นำทัพเรือออกน่านน้ำจนทำให้เกิดยุทธนาวีขึ้น และครั้งนั้น “จีนจันตุ” สามารถหนีรอดไปได้ หลังจากนั้นเจ้ากรุงละแวกก็หันมาสานไมตรีกับอยุธยาแทนที่จะทำตนเป็นศัตรู หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุเมื่อพม่ายกทัพมากรุงศรีอยุธยา เลยทำให้ “สมเด็จพระนเรศวร” รอช้าไม่ได้รวมพลเพื่อต่อสู้กับกองทัพพม่า เพื่อรักษากรุงศรีอยุธยาไว้ให้ได้
ผู้กำกับ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล |
คะแนน IMDb | 6.2 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=w5qzEboH9kc |
7. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕
“ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕” ตอน “ยุทธหัตถี” ฉายเมื่อปีพ.ศ. 2557 เรียกว่ายังคงมูฟออนจากหนังเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะแต่ละภาคก็มีเรื่องราวน่าสนใจแตกต่างกันออกไปในช่วงเวลานั้น แต่พอมาตอน “ยุทธหัตถี” ที่ตอนนี้ใครที่ได้ดูคงต้องยกนิ้วให้ นอกเหนือจากเรื่องโปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่อลังการสมกับความเป็น “ท่านมุ้ย-ม.จ.ชาตรีเฉลิม” ที่ไม่เคยทำให้คนดูต้องผิดหวังแล้ว ในเรื่องของการนำเสนอและถ่ายทอดออกมาในรูปแบบภาพยนตร์ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด จึงทำให้ในภาคนี้โกยรายได้ไปถึง 201.9 ล้านบาท ต้องบอกว่าไม่ว่ากี่ภาคๆ ก็ทำเงินได้ทุกภาค
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวเมื่อครั้งที่ “พระมหาธรรมราชา” พระราชบิดาของ “สมเด็จพระนเรศวร” ทรงโทมนัสหลังจากที่พระองค์เข้าข้างศัตรู หวั่นทำให้พระราชธิดารวมถึงแผ่นดินอยุธยาต้องถูกย่ำยี จนทำให้พระองค์ตรอมพระทัยและเสด็จสวรรคต หลังจากนั้น “สมเด็จพระนเรศวร” ก็เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติต่อจากพระราชบิดา เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ “พระเจ้านันทบุเรง” จึงโปรดให้ “มังสามเกียด” อุปราชเจ้าวังหน้า ยกทัพไปตีกรุงศรีอยุธยา แค่ก็ดูจะไม่เป็นผลดีเมื่อ “สมเด็จพระนเรศวร” ทรงออกอุบายจนทำให้ข้าศึกต้องถอยทัพกลับไป ต่อจากนั้น “สมเด็จพระนเรศวร” ก็ท้า “พระมหาอุปราชา” แห่งเมืองหงสาวดีให้ออกมาทำยุทธหัตถี ซึ่งทาง “พระมหาอุปราชา” ก็ทรงรับคำท้าและทรงออกมาทำยุทธหัตถีกับทั้ง “สมเด็จพระนเรศวร” และ “สมเด็จพระเอกาทศรถ” โดยมีแผ่นดินเป็นเดิมพัน
ผู้กำกับ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล |
คะแนน IMDb | 5.8 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=7bAr3tuTKd8 |
8. ต้มยำกุ้ง
“ต้มยำกุ้ง” ฉายเมื่อปีพ.ศ. 2548 ต้องบอกว่าหนังแอ็คชั่นสัญชาติไทยเรื่องนี้ที่ได้ “จา-พนม ยีรัมย์” มารับบทนำ นอกจากจะดังในประเทศไทยแล้ว ยังส่งผลให้หนังเรื่องนี้ดังไกลไปในระดับโลกอีกด้วย หลังจากที่คนรู้จักพระเอกนักบู๊ “จา-พนม” มาแล้วในหนังเรื่อง “องค์บาก” พอมาเรื่องนี้ก็ไม่ทำให้คนดูผิดหวังแม้แต่น้อย กับฉากบู๊เล่นจริง เจ็บจริง ที่ “จา” ทุ่มแบบสุดตัว บวกกับประโยคเด็ดที่ทำให้หลายๆ คนจำขึ้นใจ ก็คือ “ช้างกูอยู่ไหน” เรียกว่าพูดประโยคนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ทุกคนต้องนึกถึงหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน เลยส่งผลให้ “ต้มยำกุ้ง” โกยรายได้ไปมากถึง 183.35 ล้านบาท เรียกว่าบู๊จนได้ดีจริงๆ
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ “ขาม” (จา พนม ยีรัมย์) หนุ่มชาวบ้านที่ชีวิตต้องจากบ้านเกิดมา เพราะถูกผู้มีอิทธิพลลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ที่เขาและพ่อรักมากๆ ไปไกลถึงประเทศออสเตรเลีย เลยทำให้ “ขาม” ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะนำช้างพลายสองพ่อลูกกลับมาเมืองไทยให้ได้ ด้วยการข้ามน้ำข้ามทะเลไปตามหาด้วยตัวของเขาเอง แต่ก็ยังโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจไทยอย่าง “จ่ามาร์ค” (หม่ำ จ๊กมก) และ “ปลา” (ตั๊ก-บงกช) ที่คอยช่วยเหลือเขาในครั้งนี้ รวมถึง “ขาม” ยังได้เข้าไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งมาเฟีย เลยทำให้ต้องต่อสู้กันยกใหญ่ ซึ่ง “ขาม” ก็ใช้วิชาแม่ไม้มวยไทยที่ติดตัวมานั้นต่อสู้และเอาตัวรอดจากเหล่ามาเฟียได้สำเร็จ
ผู้กำกับ | ปรัชญา ปิ่นแก้ว |
คะแนน IMDb | 6.8 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=YXTa9dPk6yw |
9. นาคี ๒
“นาคี ๒” ฉายเมื่อปีพ.ศ. 2561 หนังไทยแนวแฟนตาซี-ระทึกขวัญเรื่องนี้ได้พระนางคู่ขวัญทั้งในจอและนอกจอ อย่าง “ณเดชณ์ คูกิมิยะ” และ “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” มาลงจอเงินคู่กันเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งประกบนางเอกสาว “แต้ว-ณฐพร เตีมีรักษ์” ที่ฝากผลงานในเวอร์ชั่นละครที่โด่งดังมาแล้ว พอมาเป็นในรูปแบบหนังก็ยังคงไม่ทิ้งกลิ่นอายของความเป็นอีสาน ไม่ว่าจะเป็นภาษา, ฉากต่างๆ ที่ดูแล้วทำให้รู้สึกสบายหู สบายตาไปตามๆ กัน แม้ว่าใครที่ไม่ค่อยสันทัดในเรื่องของภาษาอีสานก็ไม่เป็นอุปสรรคในการดูหนังเรื่องนี้แม้แต่น้อย เพราะเขามีซับแปลให้อ่านได้ง่ายๆ เพราะเหตุนี้เลยทำให้ “นาคี ๒” โกยรายได้ไปถึง 161.19 ล้านบาท กันเลย
เรื่องย่อ
เรื่องราวของตำนานดอนไม้ป่าที่ถูกเล่าขานต่อกันมา ซึ่งชาวบ้านนั้นมีความเชื่อในตำนานนี้ รวมถึงเรื่องของพญานาคและเรื่องเล่าของเจ้าแม่นาคี ที่เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้าน “สร้อย” (อุรัสยา) สาวชาวบ้านแห่งดอนไม้ป่า ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เติบโตมาพร้อมๆ กับความเชื่อและความศรัทธานี้เช่นกัน ซึ่ง “สร้อย” นั้นผูกพันกับเจ้าแม่นาคีเป็นอย่างมาก ในเวลาต่อมา “ร.ต.อ.ป้องปราบ” (ณเดช) ถูกย้ายที่มาดอนไม้ป่า ก็เกิดคดีสะเทือนขวัญมากมายหลายคดี ซึ่งแต่ละคดีนั้นดูจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถปิดคดีได้ ซึ่งชาวบ้านปักใจเชื่อว่าเรื่องราวดังกล่าวนั้นเป็นฝีมือของเจ้าแม่นาคี
ผู้กำกับ | พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง |
คะแนน IMDb | 5.8 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=TSyan6J4q7o |
10. หลวงพี่แจ๊ส 4G
“หลวงพี่แจ๊ส 4G” ฉายเมื่อปีพ.ศ. 2559 แม้ว่าหนังที่ “พชร์ อานนท์” เป็นผู้กำกับนั้น หลายคนอาจจะมองว่าขายแต่ความขำ สนุกสนานเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็จริงอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด แต่นอกเหนือจากนั้นหนังของ “พชร์ อานนท์” แต่ละเรื่องนั้นจะหยิบเอาสถานการณ์ปัจจุบันในช่วงเวลานั้นมาทำเป็นหนังอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเรื่อง “หลวงพี่แจ๊ส 4G” นี้ก็เช่นกัน ซึ่งก็ทำให้คนดูนั้นสามารถเข้าใจถึงเหตุการณ์นั้นๆ ได้ไม่ยาก รวมถึงการขายมุกขำซึ่งบางมุกอาจจะแป๊ก แต่ก็ยังสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้ไม่น้อย และที่ทำให้แปลกใจก็คือหนังเรื่องนี้ถูกพูดถึงในฐานะหนังนอกสายตา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเรื่องนี้กลับโกยรายได้ไปมากถึง 154.27 ล้านบาท ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ “แจ๊ส” (แจ๊ส ชวนชื่น) หนุ่มมากเสน่ห์ที่มีปัญหากวนใจโดยเฉพาะกับเรื่องสาวๆ เมื่อ “ใบเฟิร์น” (แพท-ณปภา) แฟนสาวต้องมาเจอกับการราวีของ 2 กิ๊กสาวอย่าง “ฮอร์โมน” (ตุ๊กกี้-สุดารัตน์) และ “เลิฟซิก” ป่วนจนทำให้ความรักของทั้งคู่เริ่มสั่นคลอน ยิ่งเมื่อ “ฮอร์โมน” มาบอกว่าท้อง เลยทำให้ “แจ๊ส” คิดหาทางออกเลยมาปรึกษาเพื่อนซี้อย่าง “มโน” (คุณาธิป ปิ่นประดับ) และ “สายสิน” ถึงวิธีแก้ปัญหา ซึ่งทั้งคู่กลับแนะนำให้ “แจ๊ส” ไปบวชเป็นพระซะทุกอย่างก็สิ้นเรื่อง ซึ่ง “แจ๊ส” นั้นก็เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะเขาจะได้ศึกษาพระธรรมไปพร้อมๆ กัน แต่ดูเหมือนว่าชีวิตในผ้าเหลืองจะไม่สงบสุขอย่างที่คิด เพราะ “พระแจ๊ส” กลับเจอเรื่องราววุ่นๆ มากมาย
ผู้กำกับ | พชร์ อานนท์ |
คะแนน IMDb | 3.8 |
วีดีโอตัวอย่าง | www.youtube.com/watch?v=moQvB70FZTQ |
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 10 อันดับหนังไทยในอดีต..ที่โกยรายได้แบบถล่มทลาย เรียกว่ามีครบทุกรส ทั้งหนังอิงประวัติศาสตร์, โรแมนติก, คอมเมดี้ ต้องบอกว่าหนังไทยของเรานั้นสามารถทำเงินได้แบบไม่น้อยหน้าหนังต่างชาติกันเลยทีเดียว เอาเป็นว่าใครที่ยังไม่เคยดูเรื่องไหนควรค่าที่จะหามาดูกันได้แล้ว เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะพลาดของดีโดยไม่รู้ตัว !
เครดิตภาพ : www.posttoday.com, www.netflix.com, www.majorcineplex.com, www.sanook.com, www.thailandtopvote.com, www.a-bellamy.com, www.adintrend.tv, www.bloggang.com, www. mgronline.com, www.fapot.or.th, www.sahamongkolfilm.com
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ดัมมี่