พูดถึงรางวัลออสการ์ที่จัดได้ว่าเป็นรางวัลที่สูงสุดในวงการฮอลลีวู้ดเลยก็ว่าได้ เรียกว่าใครที่มีรางวัลการันตีนั้นเชื่อได้เลยว่าเจ๋งจริงอะไรจริง และที่ผ่านมาได้มีการจัดงาน ประกาศรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 95 ประจำปี 2023 ที่มีหนังหลายเรื่องเข้าชิง วันนี้เราเลยขอรวบรวมมาฝากกันใน 5 อันดับหนังรางวัลออสการ์ 2023..ที่สุดแห่งปี ต้องบอกเลยว่าทั้งหนังและนักแสดงที่ได้รับรางวัลล้วนแล้วแต่ยอดฝีมือทั้งสิ้น อย่ามัวเสียเวลา..ไปดูกันเล้ย!
1. EVERYTHING EVERYWHERE ALL AT ONCE
“EVERYTHING EVERYWHERE ALL AT ONCE” ชื่อไทย “ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส” เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ “เอเวอลีน หวัง” หญิงชาวจีนที่ต้องแบกรับทุกอย่างในชีวิต ตั้งแต่ธุรกิจร้านซักแห้งที่ขาดทุนมานาน, ชีวิตคู่กับสามีที่แสนจะจืดชืด, ลูกสาววัยรุ่นที่ความสัมพันธ์ไม่ค่อยลงรอยกัน หรือแม้แต่พ่อสามีที่จ้องกดดันตลอด วันหนึ่งเธอกลับค้นพบว่าตัวเองมีหลากหลายชีวิต และมีพลังเหนือมนุษย์ทั่วไปอีก
บอกได้เลยว่าความสนุกของหนังเรื่องนี้นอกจากจะเป็นแอ็คชั่นสไตล์กังฟูแล้ว ยังมีความไซไฟผสมผสานอยู่ เนื้อเรื่องยังมีความหลุดโลกชนิดที่ว่าหลายคนที่ได้ดูต้องตะลึงไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังอย่างแน่นอน เพราะหนังมีคามเข้มข้นทั้งเรื่องความเป็นดราม่าที่เกี่ยวกับครอบครัว และความอารมณ์ขันที่หนังใส่ลงไปได้อย่างลงตัว ส่วนนักแสดงชื่อของ “มิเชล โหย่ว” ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถดึงดูดคนดูได้แล้ว บทบาทของเธอก็ยังเข้มข้นไม่แพ้เนื้อเรื่อง เพราะทั้งต้องบู๊แอ็คชั่นและต้องตลกในเวลาเดียวกัน เลยทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก จึงไม่แปลกที่นอกจากหนังจะได้ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมไปครองแล้ว “มิเชล โหย่ว” ยังคว้านักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ที่ถือได้ว่าเป็นรางวัลแรกของเธอและเป็นนักแสดงเชื้อสายเอเชียคนแรกด้วยที่คว้ารางวัลนี้ไปครอง รวมถึง 2 นักแสดงอย่าง “คี ฮุย ควน” และ “เจมี ลี เคอร์ทิส” ก็ได้รับรางวัล นักแสดงสมทบชายและหญิงไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
ผู้กำกับ | แดเนียล กวัน, แดเนียล ไชเนิร์ท |
คะแนน IMDb | 7.9 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=dkrwJN19jgs |
2. THE WHALE
“THE WHALE” ชื่อไทย “เหงา เท่า วาฬ” เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ “ชาลี” ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ ที่กำลังเจอกับมรสุมชีวิตลูกใหญ่ เมื่อเขาต้องสูญเสียแฟนหนุ่มไปจนทำให้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่และเกิดความเหงาอย่างที่คาดไม่ถึง บวกกับตัวเขาเองยังป่วยเป็นโรคอ้วนขั้นรุนแรงอีกด้วย ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาก็ยังปฏิเสธการรักษาจากแพทย์ แต่เขากลับเลือกที่จะกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับ “เอลลี่” ลูกสาววัย 17 ปี เพียงคนเดียวของเขา
ใครที่ได้ดูเรื่องนี้เป็นต้องเสียน้ำตาทุกรายไป ด้วยพล็อตเรื่องที่ดราม่าเข้มข้น บวกกับการแสดงของ “เบรนแดน เฟรเซอร์” ที่หวนคืนจอเงินอีกครั้งในรอบหลายปี ที่บอกได้เลยว่าฝีมือดีไม่มีตก เพราะเขาถ่ายทอดอารมณ์ สีหน้า และแววตาของตัวละครดังกล่าวออกมาได้ซึ้งกินใจ และเรียกน้ำตาจากคนดูได้มากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าหนังจะดูเรื่อยๆ และมีความยาวเกือบ 2 ชม. แต่ในระยะเวลาที่ดูนั้นหนังสะกดคนดูได้แบบอยู่หมัดเช่นกัน จึงทำให้ชื่อของ “เบรนแดน เฟรเซอร์” ถูกประกาศให้ได้รับรางวัล นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในครั้งนี้ไปแบบไม่ค้านสายตา เพราะนอกจากเขาจะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ออกมาได้เป็นอย่างดีแล้ว ในส่วนของความทุ่มเทในการแสดงก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะเขาต้องแต่งเป็นคนอ้วนที่มีน้ำหนักมากถึง 270 กิโลกรัม เข้าขั้นป่วยเป็นโรคอ้วนขั้นรุนแรง ทำให้ต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนวีลแชร์ที่แสนอึดอัด งานนี้ถือได้ว่าให้รางวัลถูกคนแล้ว
ผู้กำกับ | ดาร์เรน อโรนอฟสกี |
คะแนน IMDb | 7.8 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=MOnCGsO76Eg |
3. ALL QUIET ON THE WESTERN FRONT
“ALL QUIET ON THE WESTERN FRONT” ชื่อไทย “แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง” เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ ทหารชาวเยอรมันที่ต้องออกสมรภูมิรบ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่1 ซึ่งในตอนแรกเขามีแต่ความตื่นเต้นในสมรภูมิรบแห่งนี้ แต่เมื่อเวลาล่วงเลยเข้ามาทำให้เขาได้รู้สึกถึงความน่ากลัวของสงคราม เรียนรู้ที่จะต่อสู้เพื่อที่จะให้ตัวเองและเพื่อนร่วมรบมีชีวิตรอดกลับไปให้ได้
บางคนอาจจะไม่ชอบหนังสงครามที่มีเต็มไปด้วยความเครียดและการสูญเสีย แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่อยากให้พลาดจริงๆ เพราะหนังดัดแปลงมาจากวรรณกรรมสุดคลาสสิกของ Erich Maria Remarque นักเขียนชาวเยอรมัน ที่ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1929 ที่เต็มไปด้วยความลเมียดลไมในเนื้อหาและการนำเสนอ โดยหนังได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ฝ่ายสงครามที่สุดแสนจะน่ากลัวและหดหู่ผ่านชีวิตของนายทหารชาวเยอรมัน ซึ่งเรื่องราวก็เต็มไปด้วยความตึงเครียดที่มีให้เห็นแทบตลอดทั้งเรื่อง และยังสะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงครามได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของดนตรีประกอบที่ทำให้หนังดูมีอรรถรสมากยิ่งขึ้นไปอีก เลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึง คว้ารางวัลออสการ์ไปถึง 4 รางวัล ตั้งแต่ รางวัลออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม และ รางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม
ผู้กำกับ | เอ็ดเวิร์ด เบอร์เกอร์ |
คะแนน IMDb | 7.8 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://web.facebook.com/watch/?v=5474892955929842 |
4. GUILLERMO DEL TORO’S PINOCCHIO
“GUILLERMO DEL TORO’S PINOCCHIO” เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ “เจ็พเพ็ตโต้” ชายชราที่ต้องพบเจอกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต กับการเสียลูกชายไปในช่วงสงคราม จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาจมอยู่กับความโศกเศร้านานหลายปี ก่อนที่จะตัดสินใจทำหุ่นเชิ่ดเพื่อต้องการให้เป็นตัวแทนของลูกชาย แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีนางฟ้าปรากฏตัวและร่ายมนต์ให้หุ่นเชิดนั้นมีชีวิตขึ้นมา โดยตั้งชื่อว่า “พิน็อกคิโอ” เพื่อหวังจะช่วยให้ชายชรากลับมามีความสุขอีกครั้ง
เป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ว่าจะดูมากี่เวอร์ชั่นก็ยังมีความรู้สึกอิ่มเอมใจอยู่ตลอด เช่นเดียวกับการที่เรื่องของ เจ้าหุ่นไม้ “พิน็อกคิโอ” ถูกนำมาสร้างอีกครั้งในรูปแบบแอนิเมชั่นที่ถ่ายทอดเรื่องราวและความรู้สึกออกมาได้อบอุ่น และเห็นถึงความรักความห่วงใยที่อบอวลไปตลอดทั้งเรื่องของชายชราและเจ้าหุ่นไม้ที่เปรียบเหมือนลูกชาย ซึ่งภาพในหนังก็จะรู้สึกแตกต่างไปจากแอนิเมชั่นเรื่องอื่นภาพทุกอย่างที่เห็นนั้นล้วนมาจากงานปั้น หรือไม่ก็ฉากจริงๆ แล้วใช้เทคนิคสต็อปโมชั่นเข้ามาเนรมิตรให้หนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้ดูมีชีวิตชีวาสมจริงขึ้นมา เลยทำให้ภาพที่ออกมานั้นละมุนและสวยงามมากเรื่องหนึ่งเลย จึงทำให้หนังสามารถคว้ารางวัลแอนิเมชันยอดเยี่ยมไปครองได้แบบทิ้งห่างคู่แข่งฉลุย
ผู้กำกับ | กีเยร์โม เดล โตโร |
คะแนน IMDb | 7.6 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=g5gWDDuv0Lk |
5. RRR
“RRR” เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของ “ภีม” ชายหนุ่มที่ต้องออกตามหาเด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับเขา ซึ่งเด็กคนนี้ถูกชาวอังกฤษจับไปเป็นทาส ทำให้เขาต้องออกสืบว่าเด็กหญิงคนนี้ไปอยู่ที่ไหน จนทำให้ตัวเขาเองก็ถูกทางการออกไล่ล่าด้วยเช่นกัน กระทั่งเขาได้พบกับ “ราม” นายตำรวจหนุ่มที่กำลังตามหาตัวเองอยู่ และต่างคนต่างไม่รู้ภูมิหลังของกันและกันเลยทำให้ทั้งคู่สนิทใจมาก ก่อนที่ทั้งคู่จะรู้ความจริงและเริ่มเปิดฉากต่อสู้กัน
เรียกได้ว่าเป็นหนังอินเดียที่หลายคนอาจมองข้ามไปในตอนแรก แต่เมื่อได้ลองเข้ามาดูแล้วก็ทำให้คุณหลงเสน่ห์ของหนังอินเดียแบบไม่รู้ตัว ด้วยซิกเนเจอร์ของหนังอินเดียที่มีเรื่องของดนตรีและการเต้นรำเข้ามาประกอบในหนังแทบทุกเรื่อง รวมถึงบทเพลงที่ได้ยินได้ฟังก็ทำให้คนดูมีอารมณ์และความรู้สึกร่วม ไม่ว่าจะเป็นฉากตื่นต้น, ดราม่า, เศร้าเคล้าน้ำตา และถือได้ว่าเป็นครั้งแระวัติศาสตร์ของหนังอินเดียบนเวทีออสการ์ เพราะหนังเรื่องนี้ได้เข้าชิงถึง 3 สาขาด้วยกัน ก่อนจะสามารถคว้า รางวัลเพลงประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากผลงาน เพลง Naatu Naatu ที่ถือว่าไม่ค้านสายตาใครเลย
ผู้กำกับ | เอส.เอส.ราจามูลิ |
คะแนน IMDb | 7.9 |
วีดีโอตัวอย่าง | https://www.youtube.com/watch?v=AVVO3Yat_Bw |
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 อันดับหนังรางวัลออสการ์ 2023..ที่สุดแห่งปี เรียกได้ว่าหนังดีหนังสนุกสมใจใครหลายคนบ้างหรือเปล่า?
เครดิตภาพ : www.thestandard.co, www.roxycinemanewyork.com, www.slashfilm.com, www.variety.com, www.khaosod.co.th, www.pacificu.edu, www.californiaherps.com, www.hollywoodreporter.com, www.imdb.com